Insight

การสนับสนุนพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพเพื่อเสริมสร้างพนักงานที่แข็งแรง

Published

Written by

Read time

การสนับสนุนพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพเพื่อเสริมสร้างพนักงานที่แข็งแรง

ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่มีการแปรรูปสูงเกินไป การออกกำลังกายน้อย หรือการนอนหลับไม่เพียงพอ พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพสามารถส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของเรา การส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพที่ดีสามารถสร้างประโยชน์อย่างมากทั้งต่อพนักงานและนายจ้าง

มีหลักฐานมากมายที่สนับสนุนความเชื่อมโยงระหว่างพฤติกรรมการใช้ชีวิตกับความเสี่ยงด้านสุขภาพ งานวิจัยจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า 31% ของผู้ใหญ่ทั่วโลกมีความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน และมะเร็งบางชนิด เพียงเพราะไม่ได้มีกิจกรรมทางกายเพียงพอ (1)
ในทำนองเดียวกัน แม้ว่าผลกระทบจากการสูบบุหรี่ — ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนถึง 8 ล้านคนต่อปี (2) — และการดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป — อีก 2.6 ล้านคนต่อปี (3) — จะเป็นที่รับรู้กันดีอยู่แล้ว แต่ความเสี่ยงจากการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพกลับยิ่งน่าตกใจยิ่งกว่า ข้อมูลจาก WHO ชี้ให้เห็นว่า อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตราว 11 ล้านคนทั่วโลกในแต่ละปี (4)

นอกจากจะเป็นสาเหตุของปัญหาระยะยาวที่ร้ายแรง พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพยังส่งผลในทันทีต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ เช่น การนอนน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อคืนจะเพิ่มความเสี่ยงของภาวะซึมเศร้า การติดเชื้อหวัดและไข้หวัดใหญ่จากระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ และเพิ่มโอกาสในการเกิดอุบัติเหตุจากความอ่อนล้าและการตัดสินใจที่ผิดพลาด

ประโยชน์ต่อองค์กรจากการสนับสนุนพฤติกรรมสุขภาพที่ดี

เมื่อพิจารณาจากผลกระทบของพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพ การสนับสนุนให้พนักงานปรับเปลี่ยนไปสู่พฤติกรรมสุขภาพที่ดีขึ้นสามารถสร้างประโยชน์หลายด้านแก่องค์กรเช่นกัน การแพทย์แนวทางการดำเนินชีวิต (Lifestyle Medicine) ซึ่งเป็นวิธีดูแลสุขภาพที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์และอ้างอิงจากหลักฐานเชิงประจักษ์แบบองค์รวม ช่วยป้องกันโรคเรื้อรังที่ร้ายแรงได้ อีกทั้งในระยะสั้น พนักงานที่มีสุขภาพดียังมีแนวโน้มลาป่วยน้อยลงจากปัญหาสุขภาพเล็กน้อย เช่น หวัด ปวดศีรษะ หรืออาการปวดท้อง

สถิติการลาป่วยชี้ให้เห็นว่านี่เป็นประเด็นสำคัญระดับโลก งานวิจัย (5) พบว่าอัตราการลาป่วยในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 2.1% ขณะที่ในยุโรปอยู่ระหว่าง 2.5% ถึง 14% ส่วนในละตินอเมริกาและแคริบเบียน มีพนักงานถึง 10% ที่สามารถโทรลาป่วยได้ในวันใดวันหนึ่ง

ค่าใช้จ่ายด้านประกันขององค์กรก็สามารถลดลงได้เช่นกันหากพนักงานมีสุขภาพที่ดี การเรียกร้องค่าสินไหมจากประกันสุขภาพที่น้อยลงช่วยให้เบี้ยประกันต่ำลงและยั่งยืนมากขึ้น และเมื่ออุบัติเหตุในที่ทำงานลดลง ความคุ้มครองความรับผิดของนายจ้างก็จะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย

      การส่งเสริมพฤติกรรมที่ดีให้เกิดขึ้นในทุกส่วนของพนักงานในองค์กร

      นายจ้างอยู่ในตำแหน่งที่ได้เปรียบในการช่วยให้พนักงานปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น การจัดแคมเปญสร้างความตระหนักรู้ด้านสุขภาพ รวมถึงส่งเสริมการใช้เครื่องมือส่งเสริมสุขภาพที่มักถูกรวมอยู่ในสิทธิประโยชน์ด้านสุขภาพของพนักงาน สามารถช่วยกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมที่ดีต่อสุขภาพในกลุ่มพนักงานได้อย่างทั่วถึง

      เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน องค์กรสามารถสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สนับสนุนให้ “การเลือกสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ” กลายเป็นทางเลือกที่ง่ายและเข้าถึงได้ นี่คือตัวอย่างแนวทางที่สามารถนำไปปรับใช้ในสถานที่ทำงาน:

      • สนับสนุนการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
        การจัดหาทางเลือกอาหารสุขภาพในที่ทำงาน ไม่ว่าจะในตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ร้านอาหารภายในองค์กร หรือจัดผลไม้สดประจำสัปดาห์ ช่วยให้พนักงานเลือกรับประทานได้ง่ายขึ้น อาจเสริมด้วยกิจกรรมเสริมความรู้ เช่น การสัมมนาออนไลน์เรื่องโภชนาการ หรือการเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนสูตรอาหารและเคล็ดลับสุขภาพระหว่างพนักงาน    
      • ส่งเสริมการเคลื่อนไหวร่างกาย
        การส่งเสริมให้มีช่วงพักเบรกเป็นประจำ ชมรมเดินหรือวิ่ง การจัดที่จอดจักรยานและห้องอาบน้ำสำหรับพนักงานที่ปั่นจักรยานหรือวิ่งมาทำงาน ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยให้พนักงานมีกิจกรรมทางกายมากขึ้นในระหว่างวันทำงาน นอกจากนี้ การสนับสนุนค่าใช้จ่ายสมาชิกฟิตเนส คลาสออกกำลังกายออนไลน์ และโครงการส่งเสริมการใช้จักรยานก็สามารถช่วยเพิ่มการออกกำลังกายได้เช่นกัน 
      • ส่งเสริมการนอนหลับที่มีคุณภาพ
        การนำนโยบายที่เป็นมิตรกับการนอน เช่น การจัดเวลาทำงานให้ยืดหยุ่น จำกัดการส่งอีเมลหลังเวลางาน และการให้ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการนอนที่ดี จะช่วยให้ทั้งพนักงานและองค์กรได้รับประโยชน์จากการพักผ่อนอย่างเพียงพอ   
      • เสริมสร้างความยืดหยุ่นต่อความเครียด
        การใช้เครื่องมืออย่างโครงการช่วยเหลือพนักงาน (Employee Assistance Program - EAP) การฝึกสติ (mindfulness) และการจัดกิจกรรมสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับความเครียด ช่วยให้องค์กรสร้างวัฒนธรรมที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพนักงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
      • ส่งเสริมความสัมพันธ์ทางสังคมในที่ทำงาน
        การสร้างชุมชนในที่ทำงานที่เข้มแข็งและมีชีวิตชีวาผ่านกิจกรรมทีม ระบบเพื่อนช่วยเพื่อน และการเช็กอินสม่ำเสมอกับหัวหน้างานและเพื่อนร่วมงาน จะช่วยส่งเสริมความผูกพันและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน 
      • ลดการใช้สารเสพติดหรือพฤติกรรมเสี่ยง

        การใช้นโยบายปลอดบุหรี่ ให้ความรู้เกี่ยวกับการใช้แอลกอฮอล์อย่างเหมาะสม และจัดการสนับสนุนการเลิกบุหรี่หรือแอลกอฮอล์ จะช่วยให้พนักงานตระหนักถึงความเสี่ยง และสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่ไม่ดีต่อสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ

      Colleagues celebrating together

      ยกระดับกลยุทธ์การส่งเสริมสุขภาพให้ทรงพลังยิ่งขึ้น

      การสื่อสาร คือหัวใจสำคัญของการสร้างผลลัพธ์สูงสุดจากกลยุทธ์ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี การได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้างานโดยตรง ผู้แทนส่งเสริมสุขภาพ กลุ่มพนักงานที่มีบทบาทเชิงรุก (employee resource groups) และผู้บริหารระดับสูง จะช่วยให้กลยุทธ์ด้านสุขภาพในที่ทำงานสามารถถูกนำไปใช้ได้จริงและเกิดผลในวงกว้าง

      การ เข้าใจความต้องการและความคาดหวังของพนักงาน ถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่ต้องทำก่อนเริ่มดำเนินการใด ๆ เพื่อให้มั่นใจว่าการสนับสนุนที่คุณมอบให้นั้นตรงจุดและตอบโจทย์มากที่สุด การสอบถามเกี่ยวกับความกังวลด้านสุขภาพและเป้าหมายด้านความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน จะช่วยให้คุณสามารถออกแบบกลยุทธ์ที่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง และสามารถวัดผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน


      1. Nearly 1.8 billion adults at risk of disease from not doing enough physical activity
      2. Tobacco
      3. Alcohol
      4. Nearly 1.8 billion adults at risk of disease from not doing enough physical activity
      5. Edays-The-State-of-Absence-Report-2024.pdf